โดย บาส และ ปอป้อ ได้ร่วมแสดงโฆษณาที่กล่าวถึงความฝัน ที่ถึงแม้จะมีอุปสรรคก็ไม่ย่อท้อ ก่อนจะกล่าวไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จซึ่ง ปอป้อ ทรัพย์สิรี กล่าวว่า “อยากฝากถึงทุกคนที่มีความฝัน ปอป้อก็ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ทุกคนมุ่งมั่น ทุ่มเทตามความฝันของตัวเอง ถึงจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ถ้าเราตั้งใจ มีเป้าหมายและลงมือทำมันจริงๆ เราก็ไปให้มันสุด ซักวันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้”ในรอบชิงชนะเลิศ ไฮไลต์อยู่ที่วิ่ง 200 เมตร ชาย “บิว” ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มดาวรุ่งวัย 16 ปี ชาวสมุทรปราการ ซึ่งในรอบคัดเลือกช่วงเช้าวิ่งทำเวลา 20.41 วินาที ทำลายสถิติซีเกมส์เดิมของรุ่นพี่ เหรียญชัย สีหะวงษ์ ซึ่งเคยทำไว้ด้วยเวลา 20.69 วินาที ที่ประเทศบรูไน ปี 2542 หรือเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ลงสนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
ทีม C ไทยส่ง กฤษณพงศ์ นนทะโคตร เสิร์ฟ, ราชัน วิพันธ์ ตัวทำ และจิระศักดิ์ ผักบัวเงิน โยน และเอาชนะไปอีก 21-7, 21-9 สรุปทีมตะกร้อไทยเอาชนะ เวียดนาม 3-0 ทีม เก็บชัยชนะนัดที่ 2 ติดต่อกัน
เอเยนต์ส่วนตัวของ เปาโล ดีบาลา เดินทางมาอังกฤษเพื่อเจรจาเรื่องการย้ายสังกัดของแข้งรายนี้ คาดว่ามีสโมสรดังอย่างปีศาจแดงและปืนใหญ่ร่วมวงด้วยสุดท้าย ประเภทโลว์คิก รุ่น 60 กก. ชาย กัมปนาท วัลศิริพัฒนชัย แพ้ เหวียน ควง ฮุย ของเจ้าภาพเวียดนาม 0-3 คว้าเหรียญเงินส่งท้ายหลังจบการแข่งขัน นายไชยวัฒน์ สังข์น้อย เจ้าของเหรียญทองแรก เผยว่า ดีใจมากที่สามารถคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ถือเป็นการปลดล็อกให้ทีมคิกบ็อกซิ่งทีมชาติไทยในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ด้วย ก่อนมาแอบหวังลึกๆว่าอยากจะมีเหรียญติดมือกลับไปฝากคนไทย แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเหรียญทอง มันเกินคาดไปมาก“ซีเกมส์ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของผม เพราะเพิ่งจะหันมาชกคิงบ็อกซิ่งได้ประมาน 1 ปี เท่านั้น และซ้อมกับพี่บัวขาวได้ 3 เดือนก่อนมาแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้ชกมวยไทยมาก่อน ซึ่งส่วนตัวมองว่า คิงบ็อกซิ่งยากกว่ามวยไทยมีกติกาการตัดสินเยอะกว่า แต่ก็จะไม่ท้อ จะตั้งใจจะชกคิงบ็อกซิ่งต่อไป ส่วนเหรียญทองเหรียญนี้ขอมอบให้ พ่อกับแม่ ผู้ที่เลี้ยงดูเรามาครับ”
โดยเกมในคู่แรกที่ วีรวิชญ์ พบกับ เร ฮัล อิม จบลงเพียงหลุมที่ 14 แม้ช่วงแรกจะพลาดตาม 2 อัพแต่ไล่ปลดได้ที่หลุม 4 และ 5 ก่อน วีรวิชญ์ เป็นฝ่ายนำมาโดยตลอดจนถึงหลุม 14 ที่ขึ้นนำถึง 5 อัพ และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5 และ 4คู่ที่ 2 อาศิษฐ์ อารีพันธ์ หนุ่มเชียงราย พบกับ วันเซฮา แสง อาศิษฐ์ที่อาศัยเกมที่เฉียบขาด และปิดเกมที่หลุม 14 เช่นกันหลังนำห่างถึง 5 อัพ และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5 และ 4 เช่นกันคู่สุดท้าย พงศภัค เหล่าภักดี เจอกับ ปิชเมตา เปอู และเกมจบเพียงแค่หลุม 11 เท่านั้น ก่อน พงศภัคเอาชนะไปด้วยสกอร์ 8 และ 7 ชัยชนะนี้ทำให้หนุ่มไทยตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับทีมสิงค์โปร์ ที่เฉือนชนะเจ้าภาพ เวียดนาม มาได้ 2-1 คะแนนต่อไปขณะที่ มาเลเซีย และ เมียนมาร์ เสมอกันที่ 1.5 คะแนนต้องเพลย์ออฟ ก่อนเป็น มาเลเซียเบียดเอาชนะไปได้ เข้าไปพบกับ อินโดนิเซีย ที่เอาชนะ ฟิลิปปินส์ 3-0 คะแนนในประเภทเพาะกายชาย รุ่น 60 กก. มีนักกีฬาร่วมชิงชัยทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย สองนักกีฬาไทยคือ “ยนต์” จิรพันธ์ โป่งคำ เพาะกายจอมเก๋าวัย 43 ปี ดีกรีแชมป์โลก 4 สมัย และเหรียญทองซีเกมส์ 1 สมัย กับ “ฟลุ๊ค” เกษม รัตนพร ดาวรุ่งวัย 26 ปีที่ติดทีมชาติไทยมาลุยซีเกมส์ครั้งแรก ลงดวลกับอีกหนึ่งนักกีฬาจากเจ้าภาพเวียดนาม ฟ๊วก ฟาม วาน